ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
นอกจากพระจุลนีราชกุมาร จะได้ธนูเสกข์บุตรพ่อครัวเป็นเพื่อนเล่นคู่พระทัยแล้ว พระกุมารยังทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับพระนันทากุมารี พระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชมากเป็นพิเศษ เพราะเหตุที่ทั้งสองพระองค์ได้พบปะกันบ่อยๆในสนามเด็กเล่น ซึ่งเป็นกรีฑาสถานที่ให้ความสำราญพระทัยของเหล่าราชบุตรและราชธิดานั่นเอง เมื่อต่างได้เห็นหน้ากันทุกวัน ทั้งพระจุลนีราชกุมารและพระนันทาราชกุมารีก็เริ่มมีพระอัธยาศัยต้องกัน
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192
ในพระนครปัญจาละนั่นเอง มีนักบวชหญิงคนหนึ่งเป็นบัณฑิต ฉลาดในอรรถและธรรม นามว่า พระแม่เภรี ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าจุลนีในฐานะนักบวชประจำราชสกุล อยู่มาวันหนึ่ง พระแม่เภรีเข้ามาฉันในวังตามปกติ ครั้นเสร็จภัตกิจแล้ว ก็เดินออกจากวังด้วยท่วงทีสำรวม เป็นเวลาพอดีกับที่มโหสถกำลังจะขึ้นเฝ้าพระเจ้าจุลนี
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 191
การกลับมาสู่ปัญจาลนครของมโหสถในครั้งนี้ สร้างความไม่พอพระทัยให้กับพระนางนันทาเทวีเป็นอันมาก เพราะตอนที่พระนางเคยถูกคนของมโหสถจับกุมตัวไปยังมิถิลานคร แม้จะล่วงเลยมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังฉายชัดอยู่ในพระหทัย พระนางจึงทรงผูกพระทัยเจ็บฝังแน่นในพระหทัยตลอดมา ทรงหาโอกาสที่จะทำลายมโหสถเสียให้ได้
มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง - ผู้มีชัยชนะที่ไม่กลับแพ้
เมื่อพวกอำมาตย์กราบทูลให้เสด็จกลับ พระเจ้าพรหมทัตจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย เราไม่ใช่พระราชาแล้ว เราชื่อว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า” แล้วทรงเอาพระหัตถ์เบื้องขวาลูบพระเศียร ทันใดนั้นเอง เพศคฤหัสถ์ก็อันตรธานไป เพศบรรพชิตเกิดขึ้นมาแทนที่ ทรงเหาะขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ประทับนั่งบนดอกปทุม
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 174
เมื่อพระเจ้าวิเทหราช ได้ทรงสดับคำของอาจารย์เทวินทะแล้ว ก็ทรงหวนรำลึกถึงถ้อยคำที่พระองค์ได้เคยบริภาษมโหสถไว้เมื่อคราวก่อน ซึ่งบัดนี้พระองค์ก็ได้ทรงตระหนักแล้วว่ามีเพียงมโหสถเท่านั้น ที่จะช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากเหตุการณ์คับขันในครั้งนี้ได้ แต่เมื่อไม่อาจจะตรัสอะไรได้มากไปกว่านี้ ทั้งๆที่มโหสถบัณฑิตก็นั่งอยู่ใกล้ๆ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 173
มโหสถทราบว่าอาจารย์เสนกะเริ่มจะอ่อนข้อลงแล้ว แต่ก็แสร้งสวนกลับเป็นเชิงข่มขวัญอาจารย์เสนกะว่า “ท่านอาจารย์เสนกะ สิ่งที่ล่วงไปแล้ว จะกลับมาแก้ไขเยียวยาอะไรได้อีก ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอก ท่านสิ...เชิญเถิด เชิญนำเสด็จพระราชาเหาะกลับมิถิลานครตามสะดวกเถอะนะ”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170
เมื่อทหารเหล่านั้น นำเสด็จกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์มาถึงเชิงบันได ก็ช่วยกันเปิดปากประตูอุโมงค์ แล้วทูลเชิญให้เสด็จพระดำเนินไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเสด็จเข้าไปสู่ภายในอุโมงค์แล้ว พระนางทอดพระเนตรเห็นทางลับนั้น ก็ทรงมีพระทัยพิศวงยิ่งนัก ถึงกับทรงปรารภขึ้นว่า “เอ...ชอบกลอยู่นะ เราอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ปูนนี้ ก็ยังไม่เคยลงมาตามทางนี้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 169
จากนั้น ทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ ๑๘กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว” สิ้นพระกระแสรับสั่งของพระเจ้าจุลนี กองทัพทั้งหมดก็เคลื่อนพลออกจากปัญจาลนครทันที
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 167
การก่อสร้างนครแห่งนี้ ได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๔เดือนเต็ม โดยมีปราการกำแพงล้อมรอบสูงถึง ๑๘ศอก โรงพักพลมีป้อมประตูเรียงรายเป็นระยะสลับด้วยซุ้มประตูเมืองที่มั่นคง ภายในกำแพงเมืองมีโรงช้างโรงม้าและราชพาหนะทั้งหลาย มีสระโบกขรณีโอบล้อมบริเวณพระราชนิเวศน์ มองไกลๆเหมือนที่ประทับนั้นลอยโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 165
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็ไม่มีใครยอมให้รื้อถอนเรือนของตนเลย ทุกคนต่างต่อรองว่าจะขอจ่ายทรัพย์เป็นค่าสินบนเพื่อขอยกเว้นไม่ต้องรื้อเรือนด้วยกันทั้งสิ้น มโหสถใช้อุบายทำนองเดียวกันนี้ กระทั่งรวบรวมทรัพย์สินบนมาได้ถึง ๙๐ล้านกหาปณะ